บทที่ 16 สหายฮองเฮา (๑)

เถ้าแก่เนี้ยมองไปตามสายตาของเฉินหว่านอิ๋ง นางกล่าวว่า

“เจ้ามองสตรีผู้นั้นอยู่หรือ?” เถ้าแก่เนี้ยหัวคิ้วขมวดมุ่น เพราะเนื่องจากสตรีผู้นั้นเดินเข้ามาในร้านได้สักพักหนึ่งแล้ว เสี่ยวเอ้อร์ของร้านได้เดินไปหาด้วยคิดว่าอีกฝ่ายจะสั่งอาหารมากิน ทว่าผ่านไปหนึ่งถ้วยชา  แล้ว นางก็ยังไม่ยอมสั่งอะไรเลย

“นางน่ะมานั่งได้หนึ่งถ้วยชาแล้วล่ะ แต่ก็ไม่ยอมสั่งอะไรมากินเลย ท่าทางคงเป็นสตรีชั้นสูงที่เลือกมากพอควร” เถ้าแก่เนี้ยของร้านกอดอกมองสตรีที่ตนคิดว่าเป็นบุคคลเรื่องมาก ทว่าเฉินหว่านอิ๋งไม่คิดเช่นนั้น หญิงสาวทราบมาว่าอู๋ฮองเฮาโดยปกติแล้วไม่ค่อยคุ้นชินกับสถานที่แปลกตานัก อีกทั้งนี่คือการย้ายออกมาอยู่ต่างบ้านต่างเมือง การที่จะมีนิสัยเช่นนี้ในช่วงระยะแรกนับว่าเป็นเรื่องที่ไม่น่าแปลกใจเท่าใดนัก

เฉินหว่านอิ๋งหันมายิ้มน้อยๆ ให้กับเจ้าของร้านอาหาร “ลูกค้าท่านนั้นข้ารู้จักเจ้าค่ะ ให้ข้าจัดการเองเถิด”

เจ้าของร้านมองเฉินหว่านอิ๋งอย่างวางใจ ก่อนจะเดินหายกลับเข้าไปในร้านของตนเองต่อ

“ฮองเฮาเพคะ หม่อมฉันขอถวายพระพร” เฉินหว่านอิ๋งเดินเข้ามาทักทายอย่างมีไมตรี อู๋ฮองเฮาที่กำลังง่วนอยู่กับรายการอาหารแปลกใหม่บนกระดาษเก่าๆ มองผู้มาเยือนที่ตนเพิ่งคุ้นเคยเมื่อไม่นานนักด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม แต่ทว่าดวงตาที่เศร้าหมองกลับมิได้ยิ้มตาม

“นี่เจ้า กล้าดีอย่างไรมาทักทายฮองเฮาน้ำเสียงเป็นกันเองแบบนี้” หลิงซีที่ยืนอยู่ด้านหลังเอ่ยเบาๆ พร้อมกับส่งสายตาตำหนิ

อู๋ฮองเฮาจำเฉินหว่านอิ๋งได้ดี เพราะเป็นสตรีที่เพิ่งเดินชนกันด้วยความบังเอิญเมื่อสักครู่ในตลาด อีกทั้งพระนางเองก็ทำข้าวของที่อีกฝ่ายซื้อมาเสียหายไปเหมือนกัน จึงได้ชดใช้ด้วยเงินจำนวนหนึ่งไป ไม่คาดคิดว่าจะมาเจอกันอีกครั้งในสถานที่แห่งนี้

“อย่าเลยหลิงซี...” พระนางปรามหลิงซี ก่อนจะหันมากล่าวกับเฉินหว่านอิ๋ง “เจ้านั่งลงก่อนสิ”

“ขอบพระทัยเพคะ” เฉินหว่านอิ๋งกล่าว นางนั่งลงตรงข้ามกับอู๋ฮองเฮาอย่างเจียมตน “เมื่อสักครู่หม่อมฉันเห็นพระนางเดินเข้ามาในร้านนี้ เลยตามเสด็จมาน่ะเพคะ”

อู๋ตานเหม่ยยิ้ม นางกล่าวกับเฉินหว่านอิ๋งว่า “ดีเลย ว่าแต่เจ้าเป็นบุตรสาวตระกูลใดกัน ข้ามาที่นี่ไม่มีสหายหรือใครที่รู้ใจเลยแม้แต่คนเดียว หากได้รู้จักเจ้าและครอบครัวเจ้าเอาไว้คงเป็นเรื่องที่ดีต่อเราทั้งสองคนในอนาคตแน่”

“หม่อมฉันเฉินหว่านอิ๋งเพคะ บิดาเป็นเจ้ากรมพระคลังเฉินซู่กวง” นางแนะนำตนเองอย่างภูมิใจ

“อ้อ ข้าได้ยินกิตติศัพท์ความตงฉินของใต้เท้าเฉินมาบ้าง ไม่คิดว่า

วันนี้จะได้พบกับบุตรสาวของเขา ข้ามาที่นี่ แต่งงานเข้าบ้านพระสวามีแต่กลับไม่มีซึ่งสหายรู้ใจเลยสักคน ได้มาเจอเจ้าอีกครั้งที่สองนับว่าเป็นเรื่องที่ดียิ่งนัก” อู๋ตานเหม่ยเผยรอยยิ้มและแววตาจริงใจ นางรู้สึกถูกชะตากับเฉินหว่านอิ๋งตั้งแต่แรกพบแล้ว หากได้ผูกสัมพันธ์เป็นสหายก็คงดียิ่งนัก

เฉินหว่านอิ๋งรู้สึกคลางแคลงใจในคำพูดนี้ของผู้เป็นฮองเฮา แต่ว่าตามหลักมารยาทแล้วแม้นางจะสงสัยแต่ก็ไม่ควรถามออกไป จึงมิได้เอื้อนเอ่ยออกมา

“ข้าอยู่ที่ตำหนักคุนหนิง หากเจ้าไม่รังเกียจช่วยมาเป็นสหายให้ข้าหน่อยได้หรือไม่?” แววตาอ้อนวอนของอู๋ฮองเฮานั้นทำให้เฉินหว่านอิ๋งรู้สึกใจอ่อนยวบ สายตาสั่นไหวของอีกฝ่ายกำลังบ่งบอกว่าเหงามากเพียงใด อันที่จริงสตรีที่แต่งงานเข้ามาควรจะมีความสุขกับสามีและครอบครัวของตนเอง แต่กับอู๋ตานเหม่ยนั้น เฉินหว่านอิ๋งแทบไม่เห็นประกายความสุขจากดวงตาคู่สวยนี้เลย

“หม่อมฉันไม่บังอาจเป็นสหายหรอกเพคะ ฮองเฮาเป็นพระมารดาแผ่นดิน หม่อมฉันเป็นเพียงข้ารับใช้ต่ำต้อย จะบังอาจมาเป็นสหายของพระนางได้อย่างไรกัน” เฉินหว่านอิ๋งกล่าวอย่างถ่อมตน ทุกสิ่งที่อู๋ตานเหม่ยเผยออกมาทางสายตาตนย่อมรับรู้ แต่ว่าอีกฝ่ายมีฐานะสูงส่งเป็นถึงพระมารดาแห่งแผ่นดิน ส่วนตนเองนั้นเป็นเพียงบุตรสาวเจ้ากรมพระคลังเท่านั้น ไม่อาจกลายเป็นพระสหายของฮองเฮาได้แน่

อู๋ตานเหม่ยกล่าว “ข้าพบเจอเจ้าครั้งแรกล้วนรู้สึกว่าเจ้าเป็นคนที่น่าคบหา หากเป็นคนอื่นเดินชนข้าและรู้ฐานะที่แท้จริงของข้า คงหวาดกลัวจนไม่กล้าเข้าใกล้ แต่เจ้าเป็นคนแรกที่ตามข้ามาและมาหาข้าด้วยตัวเอง โดยไม่เกรงกลัวอะไรเลย ข้าอยากมีสหายแบบนี้” อู๋ตานเหม่ยกล่าวพลางกุมมือของเฉินหว่านอิ๋ง

หากเป็นใครหลายคนอาจคิดว่าอู๋ตานเหม่ยอาจเข้าหาเฉินหว่านอิ๋งด้วยผลประโยชน์ เพราะบิดาของนางเป็นเจ้ากรมพระคลังอีกทั้งยังเป็นที่สรรเสริญและเคารพรักของชาวแคว้นเยี่ยนจำนวนมาก ในเรื่องของความตงฉินและมีจิตใจเอื้ออารีต่อราษฎรหลายคนที่กำลังลำบาก อาจเป็นฐานอำนาจให้กับตนเองในอนาคตได้ แต่สำหรับอู๋ตานเหม่ยนางไม่เคยคิดแบบนั้น นางคิดแค่เพียงว่าอยากมีสหายสักคนที่รู้ใจในแคว้นนี้ อย่างน้อยยามที่นางเศร้า นางยังมีที่ระบาย ยังมีสหายให้กอดปลอบใจตนเองเหมือนกับคนอื่นๆ

นางอยากสัมผัสความรู้สึกแบบนั้น แต่ว่ากลับไม่เคยได้รับ แม้แต่พระสวามีที่เพิ่งอภิเษกสมรสกันใหม่ๆ ก็ยังไม่สนใจใยดีนางเลยแม้แต่เพียงนิดเดียว

บทก่อนหน้า
บทถัดไป